นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ก้าวขึ้นสู่สารบบลีกสูงสุดเมื่อฤดูกาล 2015 และกลายเป็นหนึ่งในทีมที่เคยทำสถิติแฟนบอลเข้าไปชมในสนามเกิน 20,000 คน ในบางฤดูกาลค่าเฉลี่ยตลอดทั้งฤดูกาลก็ใกล้เคียงตัวเลขหนึ่งหมื่นคนต่อนัดยามในรังเหย้า สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เคยเต็มไปด้วยผู้เล่นดาวดังทั้งไทย และต่างชาติที่คุ้นหู ไม่ว่าจะเป็น ดราแกน บอสโควิช, เลอันโดร อัสซัมเซา, อานนท์ สังข์สระน้อย หรือระดับ ทีมชาติไทย อย่าง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว และสารัช อยู่เย็น ก็ผ่านการเล่นในทีมจากภาคอีสานทีมนี้มาแล้ว

‘โคราช’ จบด้วยตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรกที่พวกเขาได้รับโอกาสบน ไทยพรีเมียร์ ลีก (ชื่อในเวลานั้น) กับการจบอันดับ 8 พร้อมทั้งที่พวกเขามีเกมให้น่าจดจำหลากหลายเกม ทั้งการไม่แพ้ทั้งไป-กลับ แก่ ชลบุรี เอฟซี การเล่นในบ้านรับการมาเยือนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ท่ามกลางแฟนบอลเกือบ 35,000 คน และจบลงด้วยผลเสมอ ก่อนจะมาจารึกอันดับที่สูงสุดที่สุดที่สโมสรทำได้คืออันดับ 7 ในปี 2018 

หลังจากได้ขึ้นมาปักหลักบน ไทยลีก สถานะของทีม ‘เสื้อส้ม’ ก็แทบจะไม่ต้องไปลุ้นหนีตายให้เหนื่อย พวกเขากลายเป็นทีมกลางตารางอย่างเต็มตัว แม้ว่าการจะลุ้นโทรฟี่ซักใบเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็เข้าใจได้หากเทียบกับการลงทุนกับเหล่าทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆ ที่อยู่หัวตาราง 

แต่ลางร้ายดูจะก่อตัวขึ้นในฤดูกาลที่แล้ว ในปี 2021/22 กับการแต่งตั้ง ‘วรวีร์ มะกูดี’ อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่แฟนบอลไทยคุ้นหู คุ้นชื่อ คุ้นหน้า คุ้นตา อย่างดีเข้ามารับตำแหน่ง ประธานบริหารของสโมสร พร้อมกับการประกาศว่าจะพา นครราชสีมา ยกระดับให้เป็นสโมสรระดับต้นๆ ของเอเชีย

“สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เป็นทีมที่มีแฟนบอลอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศ นอกจากนี้ ยังวางเป้าที่จะใช้คอนเนคชั่นกับบุคลากรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่มีความถนัดในด้านเทคนิค, ด้านสิทธิประโยชน์ และการตลาด เพื่อให้ทีมสวาทแคท เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และยกระดับความสำเร็จจากเดิม”

แต่ภารกิจแรกๆ ที่ อดีตนายใหญ่ฟุตบอลไทย เลือกที่จะทำคือการเปลี่ยนแปลงหัวเรือใหญ่ด้วยการแยกทางกับ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เฮดโค้ชอันเป็นที่รักของแฟนบอล แม้ว่าข่าว และคำประกาศจากสโมสรจะเป็นการลาออกของ ‘โค้ชโจ’ เอง แต่ทุกแหล่งข่าวก็เห็นตรงกันว่ามีการล้วงลูก หรือมีปัญหาภายใน หลังจากการเข้ามาบริหารทีมของ วรวีร์ มะกูดี

วรวีร์ เลือกที่จะใช้เส้นสายดึงโค้ชดีกรียอดเยี่ยมอย่าง เควิน แบล็คเวลล์ ที่เคยคุมทีมทั้ง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หรือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ใน อังกฤษ มาแล้ว แม้ว่าจะเต็มไปด้วยเสียงแห่งความสงสัย แต่ทั้งสองคน ก็พา ‘สวาทแคท’ จบด้วยอันดับ 9 ในลีก และทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเข้าใกล้การคว้าแชมป์มากที่สุดครั้งหนึ่งของสโมสร 

แต่ความไม่สม่ำเสมอทั้งใน และนอกสนาม การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นแทบจะยกชุดในแต่ละฤดูกาล การที่ไม่สามารถหาผู้เล่นเข้ามาทดแทนคนที่เดินออกไป รวมถึงปัจจัยเบื้องลึกที่ไม่มีการเปิดเผยออกมา สะสมจนมาระเบิดออกในฤดูกาลล่าสุด 

โคราช ไม่มีฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ พร้อมที่จะแพ้ หรือเสมอได้ทุกทีม เช่นการบุกไปแพ้น้องใหม่ ลำปาง เอฟซี ฟอร์มการเล่นในบ้านที่เคยโดดเด่นก็หายไป โดย ลำพูน วอริเออร์ หรือขอนแก่น ยูไนเต็ด มาเก็บแต้มได้ จนร่วงลงไปอยู่ในโซนสีแดง ในเกมสัปดาห์ที่ 18 หลังเปิดบ้านพ่าย ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 0-4 สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ของทีม ประกาศดึง ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เข้ามาคุมทีมอีกครั้งท่ามกลางความหวังในการรอดตกชั้น

ผลงานคำรบสองของ ‘โค้ชโจ’ ดีขึ้นในทุกเกมที่ลงเล่น พวกเขามีช่วงที่คว้าชัยชนะ 3 นัดติดต่อกัน และขยับอันดับไปสูงถึงที่ 10 แต่ด้วยโปรแกรมในช่วงท้ายฤดูกาลที่โหดเกินไป กับการที่ นครราชสีมา จะต้องเจอกัน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี รวมถึงส่งท้ายฤดูกาลกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ก ทำให้พวกเขาไม่ชนะใคร 6 เกมสุดท้ายของฤดูกาล และจบด้วยอันดับที่ 14 บอกลา 8 ปีใน ไทยลีก ลงไป 

หากลองมาคิดดูว่า ถ้า โคราช ได้ตัว ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เข้ามาคุมเร็วกว่านี้ บางทีอาจจะมีเวลามาพอให้ทีมเก็บแต้ม และอาจจะอยู่รอดก็เป็นได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็หนีไม่พ้นความผิดพลาดในการบริหารทีม การติดกระดุมผิดเม็ด และก็ฝืนที่จะติดต่อไปเรื่อยๆ จนส่งผลเสีย และสายเกินไปที่จะหาทางแก้ได้ทัน 

การร่วงลงไปเริ่มต้นใหม่ในเวทีที่เล็ก อาจจะส่งผลดีต่อแมวสีสวาทตัว ไปคิด และสร้างวางรากฐานทีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะจุดเด่นที่สุดที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี โดดเด่นมากกว่าใครๆ คือฐานแฟนบอลที่เหนี่ยวแน่น และพร้อมที่จะซัพพอร์ต อยู่ที่ว่าเหล่าผู้บริหารจะสู้ต่อไปหรือไม่

เขียนโดย The Lite Team.